น.ส.กัลลิญา เขียดน้อย เลขที่ 7 สังคมศึกษา 542

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การวิเคราะห์ปัญหาเชิงระบบ

การแก้ปัญหาด้วยวิธีการเชิงระบบ
            หลักการแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอนนั้นบางครั้งเราเรียกว่า การแก้ปัญหาเชิงระบบ(System Approach) ซึ่งเป็น กระบวนการในการแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอนที่สามารถใช้เป็นหลักการ ได้กับปัญหาทุกปัญหา เราสามารถแยกเป็น     ขั้นตอนต่างๆได้ดังนี้
1. การแยกแยะและทำความเข้าใจในปัญหา
2. การพัฒนาวิธีกาiแก้ปัญหา
3. เลือกวิธีการที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
4. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่เลือกใช้
5. นำวิธีการที่ออกแบบไปใช้ในการแก้ปัญหาและประเมินถึงผลที่ได้

 การแยกแยะและทำความเข้าใจปัญหา
            ขั้นตอนแรกสุดของการแก้ปัญหาเชิงระบบ คือ การแยกแยะและทำความเข้าใจถึงปัญหา เราอาจนิยามความหมายของปัญหาได้ว่า ปัญหา คือ เงื่อนไขที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการ การทำความเข้าใจถึงปัญหานั้นจะต้องคิดอย่างเชิงระบบ
            การคิดเชิงระบบ คือ การมองปัญหาต่างๆที่พบอย่างเป็นระบบ โดยอาจจะแบ่งเป็นระบบย่อยที่ประกอบขึ้นจากส่วนประกอบของระบบในทุกสถานการณ์ ที่เรากำลังศึกษาอยู่นอกจากนี้ยังมีระบบอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อระบบที่กำลังพิจารณาแวดล้อมอยู่ การคิดในลักษณะนี้จะทำให้เราแน่ใจได้ว่า ในการพิจารณาถึงปัญหานั้น ปัจจัยที่สำคัญและความสัมพันธ์ ระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ได้ถูกนำมาพิจารณาอย่างครบถ้วน สมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น เมื่อองค์กรทางธุรกิจเกิดปัญหาขึ้นนั้น เราจะมองธุรกิจนั้นว่าเป็นระบบที่ประกอบด้วยส่วนนำเข้า ส่วนประมวลผล ส่วนแสดงผล ส่วนป้อนกลับ และส่วนควบคุม ในการทำความเข้าใจถึงปัญหา และการแก้ปัญหานั้น เราอาจจะต้องแยกธุรกิจนั้นออกเป็นส่วนงานย่อย แล้วทำการศึกษาแยกแยะ ถึงการทำงานปกติ ของระบบว่าเป็นอย่างไร มีกระบวนการในการปฏิบัติงานอย่างไร เพื่อหาสาเหตุของปัญหานั้นๆ

พัฒนาวิธีการแก้ปัญหาเผื่อเลือก
            เมื่อเข้าใจโจทย์ชัดเจนแล้ว สิ่งที่ผู้แก้ปัญหาต้องทำในขั้นต่อไปคือ การหาวิธีการแก้ปัญหา อาจจะทำได้หลายวิธี แต่ก่อนจะแก้ปัญหาต้องพิจารณาปัญหานั้นๆให้ดีเสียก่อน เช่นในการเปรียบเทียบของข้อได้เปรียบหรือข้อเสียเปรียบในทางเลือกต่างๆ
            ทางเลือกต่างๆที่ดีที่สุดคือ ประสบการณ์ วิธีการที่เคยใช้ปฏิบัติมาแล้ว หรือเคยพิจารณามาแล้ว ควรนำมาพิจารณาใหม่อีกในสถานการณ์ขณะนั้น ว่ายังสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ แหล่งของทางเลือกที่ดีอีกแหล่งหนึ่งคือ คำแนะนำจากบุคคลอื่น รวมทั้งคำแนะนำจากที่ปรึกษา หรือข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้แก้ปัญหาเองก็ต้องใช้สัญชาตญาณและแนวคิดของตัวเองในการหาวิธีแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน

การประเมินทางเลือกหรือวิธีการ
            เมื่อหาวิธีการในการแก้ปัญหาได้หลายวิธีมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การเลือกวิธีการที่ดีที่สุดจาก วิธีการที่เลือกมา เพราะวิธีการที่ดีสำหรับปัญหาหนึ่งอาจจะไม่ใช่วิธีการที่ดีสำหรับอีกปัญหาหนึ่ง เพราะปัญหาต่างๆ จะอยู่ในสภาวะแวดล้อม เงื่อนไข ข้อจำกัดที่ไม่เหมือนกัน เราจึงต้องทำการประเมินวิธีการที่เลือกมาเพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุด วิธีการประเมินที่ดีที่สุดก็คือ การแยกแยะว่าวิธีต่างๆ นั้น แก้ปัญหาได้ตรงตามความต้องการเพียงใด ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ อันเดียวกัน
            เงื่อนไขต่างๆ ในการแก้ปัญหามีมากมาย เราอาจจัดลำดับความสำคัญโดยการให้น้ำหนัก กับเงื่อนไขแต่ละเงื่อนไขโดยพิจารณาถึงการตอบสนองต่อการแก้ปัญหา การประเมินวิธีการต่างๆ นิยมหาเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงความสามารถ ประสิทธิภาพของทางเลือกในด้านต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการประเมินและการเปรียบเทียบในขั้นตอนต่อไป

ออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่เลือกใช้
การเลือกวิธีที่ดีที่สุด
            ในการเลือกวิธีนั้น เราอาจไม่เลือกวิธีการที่ดีที่สุดจากการเปรียบเทียบก็ได้ ทั้งนี้อาจจะมาจากเงื่อนไขและ     ข้อจำกัดอื่นๆ เช่น เงื่อนไขทางกฎหมาย ทางการเมือง ทางการเงินที่ไม่สามารถคาดเดาได้ บางครั้งทุกวิธีการที่เลือกมาอาจ ไม่สามารถนำมาใช้ได้ ทำให้ต้องหาวิธีการอื่นๆ และทำการประเมินใหม่ก็ได้
            จากตัวอย่างการเดินทางมาโรงเรียนนั้น การเลือกวิธีการโดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดต่างๆ การเลือกวิธีการใช้รถส่วนตัวจะดีที่สุด แต่ไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะมีรถส่วนตัว นี่เป็นเงื่อนไข หรือข้อจำกัดที่ทำให้ต้องเลือกวิธีอื่นๆ แต่หากมีเงื่อนไขที่ประกอบ เพิ่มขึ้น นักเรียนอาจจะเลือกวิธีอื่นๆ เช่น หากใกล้เวลาเข้าเรียน เพื่อไปให้ทันโรงเรียน คนที่ไม่มีรถส่วนตัวของคุณพ่อคุณแม่ มาส่งก็จะต้องเลือกรถแท๊กซี่ เพื่อมาให้ทันโรงเรียนเข้า

นำวิธีการที่เลือกไปใช้ในการแก้ปัญหา
            หลังจากได้วิธีการแก้ปัญหามาแล้วผู้แก้ปัญหาก็จะนำวิธีการที่เลือกมานั้นไปออกแบบ เป็นกระบวนการปฏิบัติจริงในการแก้ปัญหา ในขั้นตอนนี้ เราอาจต้องอาศัยความร่วมมือ จากคนอื่นๆในระบบหรือฝ่ายเทคนิคมาช่วย ในการออกแบบวิธี การตลอดจนการนำไป ใช้ได้จริง ขั้นตอนการออกแบบจะเป็นขั้นตอน ที่จะกำหนดรายละเอียดและความสามารถ ของบุคลากร ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และงานของระบบสารสนเทศ

 บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศในการแก้ปัญหา
            ในการแก้ปัญหาโดยวิธีการเชิงระบบนั้น เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาท ในหลายขั้นตอน ทั้งช่วยในการสร้างสารสนเทศให้กับผู้แก้ปัญหาประกอบการพิจารณา หาทางเลือกการประเมินทางเลือก และเป็นเครื่องมือช่วยแก้ปัญหาดังนี้
            1. บทบาทในการสร้างสารสนเทศ - ในขั้นตอนของการหาวิธีการแก้ปัญหานั้น เราได้ทราบมาแล้วว่าผู้แก้ปัญหาจะต้องหาทางเลือกในการแก้ปัญหา และแหล่งที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด คือ ประสบการณ์ รวมทั้งคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ แต่ยังมีสิ่งที่นำมาประกอบการพิจารณาหาวิธีการแก่ปัญหาคือ สารสนเทศที่เกี่ยวข้อง กับงานนั้นๆ สารสนเทศเหล่านี้ได้มาจากระบวนการการปฏิบัติงานในระบบ ซึ่งระบบงานอาจมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยู่ เราก็จะใช้สารสนเทศนั้นมาประกอบได้

            2. บทบาทในการใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา - คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องที่สามารถ นำมาปฏิบัติงานแทนมนุษย์ได้ในทุกลักษณะ เมื่อเราเลือกวิธีการแก้ปัญหาแล้ว เราสามารถ นำเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้เป็นเครื่องมือปฏิบัติงานตามวิธีการที่เลือกเพื่อแก้ ปัญหา โดยการนำเอาวิธีการมาออกแบบเป็นระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบุคลากร โดยผู้เชี่ยวชาญทางระบบสารสนเทศ แล้วจัดซื้อจัดหา ส่วนประกอบเหล่านั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้


ไม่มีความคิดเห็น: